เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ | ไม่มีภาพลวงตาในสงคราม มีเพียงธาตุแท้ของมนุษย์

Last updated: 1 ก.ค. 2563  |  3137 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ | ไม่มีภาพลวงตาในสงคราม มีเพียงธาตุแท้ของมนุษย์

บางส่วนจาก ประวัติชีวิตและผลงานของ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ (Ernest Hemingway)

ชายชาตรีอเมริกันคนสุดท้าย โดย แดนอรัญ แสงทอง

ในเล่ม บาย - ไลน์ (By-Line) สารคดียี่สิบเก้าชิ้นแรก ปฐมบทแห่งความสำเร็จของนักเขียนโนเบลสาขาวรรณกรรม 
==========

KEYNOTE

  • ทำไมเฮมิงเวย์ไม่เขียนถึง 'ความหฤโหดในสงคราม' ทั้งๆ ที่เขาก็เห็นมากับตา
  • อะไรที่เหมือนกันระหว่าง เฮมิงเวย์ ตอลสตอย และสตองดาห์ล 
  • หักคอนกพิราบมาเป็นอาหารเพื่อประทังชีวิต ชีวิตลำเค็ญในปารีสของเฮมิเวย์และครอบครัว





- - อย่าพูดถึงมันเลย 'ความหฤโหดในสงคราม' แต่เขาก็ไม่ตกเป็นทาส 'ลัทธิบูชาความสุข' - -

แบบฝึกหัดทางวรรณกรรมทั้งยี่สิบเก้าชิ้นนี้ไม่มีชิ้นไหนที่จะพูดถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่เฮมิงเวย์ได้เผชิญหน้ากับมันมาโดยตรง เขาอาจจะริเริ่มทำการทดลองทางวรรณกรรมอย่างหนึ่งของเขาเงียบๆ

“ไม่ต้องกล่าวถึงมัน ปล่อยให้คนอ่านรู้สึกถึงมันเอาเอง”


ด้วยกฎเกณฑ์ดังกล่าวของเขานี้ ทำให้ “War Medals For Sale” เต็มไปด้วยมิติอันขมขื่นมากมายหลายประการ เช่นเดียวกับ “Christmas on the Roof of the World” ซึ่งเฮมิงเวย์ไปฉลองคริสต์มาสในสวิตเซอร์แลนด์และในทางเหนือของอิตาลีกับ ‘ชิงค์’ ดอร์แมน สมิท ซึ่งเขาคุ้นเคยด้วยตั้งแต่เมื่อเขาไปสงคราม หรือ “Trout Fishing in Europe” หรือ “Tuna Fishing in Spain” หรือ “Fishing the Rhone Canal” หรือแม้แต่ “Bull Fighting a Tragedy” หรือ “Pamplona in July” ก็ตาม มันเป็นการแสวงหาความสุขสำราญเท่าที่โลกมีไว้ให้และเราพอที่จะไขว่คว้าเอามาสนองความต้องการของเราได้

นี่มิใช่ความเห็นแก่ตัว นี่มิใช่การลดตัวลงไปเป็นทาสของลัทธิบูชาความสุข นี่มิใช่การละเลยมวลชนอันไพศาล แต่มันยากที่จะบอกกล่าวให้คนอื่นเข้าใจได้ยกเว้นแต่คนที่เคยผ่านสงครามมา

“เราไม่อยากพูดถึงมันเลย ความหฤโหด ความน่าสะพรึงกลัว และความทมิฬหินชาติประดานั้น”


ในแบบฝึกหัดนี้มันไม่มีคำอธิบาย มีแต่เพียงการแสวงหาความสุขสำราญจากการตกปลา การเล่นสกี การไปดูการสู้วัว การท่องเที่ยวเดินทาง การดื่มการกิน ฯลฯ คำอธิบายที่ชัดเจนมันกลับไปปรากฏอยู่ใน The Sun Also Rises และตัวอย่างที่ชัดเจนมันกลับไปปรากฏอยู่ใน The Snows of Kilimanjaro และฉากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอันแท้จริงมันก็กลับไปปรากฏอยู่ใน A Farewell to Arms ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้ถูกเขียนออกมา อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์อันแสนปวดแสบปวดร้อนระหว่างการไปทำข่าวสงครามระหว่างตุรกีและกรีกมันก็ยังคงถูกกล่าวถึงอย่างละเอียดลอออยู่นั่นเอง


- - ไม่มีภาพลวงตาในสงคราม มีเพียงธาตุแท้ของมนุษย์ - -

ประสบการณ์จากสงครามทำให้เขาเชื่อมั่นว่า เขาเป็นนักเขียนที่ได้เปรียบนักเขียนคนอื่นๆ มันทำให้เขาได้เห็นธาตุแท้ของมนุษย์ มันทำให้เขาได้เห็นว่าชีวิตและความตายอยู่ใกล้กันมากเพียงไร

มันเป็นความได้เปรียบที่ตอลสตอยได้มาจากสงครามไครเมีย

มันเป็นความได้เปรียบที่สตองดาห์ลได้มาจากสงครามของนโปเลียน

ความเชื่อมั่นนี้ทำให้เฮมิงเวย์พูดถึงความจริงต่างๆ นานาอย่างขวานผ่าซากโดยปราศจากภาพลวงตาใดๆ


เขาพูดถึง เบนนิโต มุสโสลินี ผู้มีอำนาจล้นฟ้าว่าเป็นคนลวงโลก พูดถึงชิเชอรินนักการทูตรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่และลอร์ดเกอซันรัฐมนตรีกระทรวงทหารเรือของอังกฤษว่าเป็นคนที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ พูดถึงสถานภาพของกษัตริย์หลายพระองค์ในทวีปยุโรปในขณะนั้นว่าเป็นแต่เพียงหุ่นเชิดอันน่าสังเวช พูดถึงลอยด์ยอร์จนายกรัฐมนตรีอังกฤษด้วยน้ำเสียงไม่แยแส และแม้แต่การพูดออกมาโต้งๆ ว่าการประชุมสุดยอดผู้นำที่เจนัวนั้นมันไม่มีสิ่งใดน่าสนใจเลยยกเว้นสาวรัสเซียหน้าแฉล้มสองคน

นักวิจารณ์บางคนกล่าวว่าท่าทีเช่นนี้เป็นแต่เพียงท่าทีของเด็กแก่แดดที่ไม่รู้จักกาลเทศะคนหนึ่ง นักวิจารณ์เหล่านั้นคงไม่เคยผ่านสงคราม และประเมินเฮมิงเวย์จากประสบการณ์อันคับแคบของตน แต่เฮมิงเวย์เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ปลาบปลื้มกับคนมีอำนาจ

เขายังไม่ได้พูดออกมาว่าคนมีอำนาจนั้นเป็นปรากฏการณ์แต่เพียงชั่วครั้งชั่วคราว เขายังไม่ได้พูดว่าศิลปินที่แท้จริงต่างหากที่น่าชื่นชมมากกว่า อีกหลายปีหลังจากนี้เขาถึงได้แสดงออกถึงความเชื่อมั่นเช่นนี้ของเขาไว้ใน Green Hills of Africa



- - หักคอนกพิราบมาเป็นอาหารเพื่อประทังชีวิต ชีวิตลำเค็ญในปารีส - -


ต้นฉบับงานเขียนของเขาถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า เขาออกจากบ้านในตอนเช้าและกลับบ้านในตอนเย็นเพื่อประหยัดอาหารมื้อกลางวันไว้ให้เมียและลูก เขาเข็นรถเข็นของบัมบี้ไปในสวนสาธารณะของปารีสในทุกยามเย็นเอาข้าวโพดล่อนกพิราบ และจับมันหักคอใส่ลงในรถเข็นเด็กเพื่อเอามันมาทำอาหาร เขาเริ่มปล่อยผมเผ้าและหนวดเคราให้ยาวรุงรังซึ่งทำให้รูปลักษณ์ของเขาคล้ายคลึงกับพระเยซู เขาพกพาตีนกระต่ายเป็นเครื่องรางนำโชคในการเขียน เขาเข้าไปชมดูจิตรกรรมอมตะในหอศิลป์ขณะกำลังไส้กิ่ว ทั้งเขาและภรรยาของเขาแทบไม่มีเงินเหลือพอที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ เลย

ช่วงเวลาแห่งความยากไร้นี้ไม่ได้ดำรงคงอยู่นานนัก เพราะหลังจากนั้นไม่นาน Three Stories and Ten Poems และ The Torrents of Spring และ The Sun Also Rises ของเขาก็ได้รับการตีพิมพ์ซึ่งส่งผลให้เขากลายเป็นนักเขียนดาวรุ่งพุ่งแรงและตกเป็นเป้าหมายแห่งการไล่ล่าของ พอลลีน ไฟเฟอร์ สาวอเมริกันทายาทตระกูลเศรษฐีผู้มีที่ดินในความครอบครองอยู่ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นไร่ ผู้ซึ่งจะกลายเป็นภรรยาคนที่สองของเขาในเวลาต่อมา
==========

อ่านเรื่องราวอันเข้มข้นทั้ง 39 เรื่องเพิ่มเติมได้ใน บาย - ไลน์ (By-Line)



บาย - ไลน์ (By-Line)
สารคดียี่สิบเก้าชิ้นแรก แบบฝึกหัดทางวรรณกรรมของนักเขียนหนุ่ม
วรรณกรรมในวงเล็บ ลำดับที่ 17

เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ (Ernest Hemingway) : เขียน
แดนอรัญ แสงทอง : แปลและเรียบเรียง

พิมพ์ครั้งแรก กันยายน 2562
ความหนา : 336 หน้า
==========

คลิกอ่าน เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ | Hemingway ชายชาตรีอเมริกันคนสุดท้าย
==========

สนใจสั่งซื้อยกชุดราคาพิเศษ ออกแบบสุดประณีต เหมาะแก่นักอ่านตัวยง

คลิกสั่งซื้อ ชุดหนังสือ Classics - Deluxe Edition For Book Lovers วรรณกรรมสากลในฉบับภาษาไทย




Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้