Last updated: 17 ธ.ค. 2567 | 2963 จำนวนผู้เข้าชม |
FLATLAND ปรากฏการณ์สำคัญในวรรณกรรมยุควิกตอเรียน
ในโลกนี้มีนักคณิตศาสตร์เพียงไม่กี่คนที่ได้รับการเชิดชูในแง่วรรณกรรม แต่ เอ็ดวิน แอ็บบ็อตต์ แอ็บบ็อตต์ (Edwin Abbott Abbott) ผู้เขียน “โลกแบน เรื่องรักหลากมิติ” หรือ “Flatland: A Romance of Many Dimensions” เป็นหนึ่งในคนจำนวนไม่มากนั้น
เขาเขียนเรื่องนี้ในปี 1884 ในฐานะเรื่องราวการผจญภัยเชิงคณิตศาสตร์ในโลกสองมิติที่ทุกอย่างราบเรียบไปหมด ผ่านตัวละครรูปทรงสี่เหลี่ยมผู้เป็นนักคิดที่เล่าเรื่องในโลกของตนในแบบมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
เรื่องราวสุดประหลาดนี้มิใช่แค่นิทานการผจญภัยหรือโลกสมมติที่อ่านเอาความแปลกใหม่สนุกสนาน แต่ โลกแบนฯ คืองานเขียนแนววิทยาศาสตร์ฟิสิกส์-คณิตศาสตร์เสียดสีชนชั้นที่มาก่อนกาล ก่อนจะได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเมื่อ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ประกาศทฤษฎีสัมพัทธภาพ (Theory of Relativity)
มนุษย์ในโลกหลายมิติอย่างเราๆ ย่อมนึกภาพสิ่งมีชีวิตใน โลกแบนฯ ที่มีเพียงสองมิติได้ลำบาก แต่ผู้เล่าเรื่องก็ไม่ลืมอธิบายความเป็นไปในโลกของตนทีละขั้น นับตั้งแต่ 'วิธีการมองมิติ' ของคนใน 'โลกแบนฯ' ไปจนถึงจำแนกประเภทประชากรและเล่าถึงวิถีชีวิตของคนแต่ละชนชั้น
'วิธีการมองมิติ' ที่ว่า พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าคนในโลกแบนคือแผ่นกระดาษ การมองจากด้านบนจะทำให้เห็นรูปทรง เมื่อการลดระดับสายตาลงมาจะทำให้เห็นมิติความสูงของรูปทรงทั้งที่ไม่มีอยู่จริง และการมองจากระดับสายตาจะทำให้เห็นว่าวัตถุทุกชนิดในโลกนี้มีลักษณะ ‘แบน’ เหมือนกันหมด
แนวคิดเรื่องมิติสัมพันธ์และมิติในการมองเห็นในเชิงคณิตศาสตร์นับเป็นพื้นฐานสำคัญของทฤษฎีทางมิติเวลาแบบไอน์สไตน์ ทำให้งานของแอ็บบ็อตต์ที่ออกมาก่อนเป็นที่จดจำและพูดถึงอย่างมากในหมู่นักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ และจนถึงทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์หรือนักออกแบบกราฟิกคอมพิวเตอร์ก็ยังต้องสนใจศึกษามุมมองด้านมิติของแอ็บบ็อตต์
'ASquare' ตัวละครหลักในเรื่องได้ค้นพบ 'โลกสามมิติ' ซึ่งอยู่นอกเหนือธรรมชาติของคนใน 'โลกแบนฯ' โดยสิ้นเชิง
นอกจากเรื่องมิติที่สี่ 'โลกแบนฯ' ยังวิพากษ์ปัญหาและค่านิยมของสังคมวิกตอเรียนเอาไว้เช่นกัน โดยสะท้อนถึงการแบ่งแยกชนชั้น ความเหลื่อมล้ำทางสังคม การกดขี่ทางเพศ และการคุมขังตนเองทางความคิด (self-limitation) ที่ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมวิกตอเรียน เพียงแต่แอ็บบอตต์อำพรางประเด็นเหล่านี้ไว้ภายใต้ขนบของการเสียดสีผ่านโลกสมมติอย่างแยบคาย
ผู้คนใน 'โลกแบนฯ' ถูกกำหนดชะตากรรมตั้งแต่เกิดตามลักษณะรูปทรงของตนและพ่อแม่ ซึ่งรูปทรงนั้นเป็นทั้งแนวทางการใช้ชีวิต วิธีคิด หรือแม้กระทั่งขอบเขตการแสดงออก
ในจำนวนงานเขียนทั้งหมดของยุควิกตอเรียน 'โลกแบนฯ' จึงเป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญและพิเศษอย่างยิ่ง และ ไม่ใช่แค่สะท้อนสภาพสังคม ชนชั้น ความเท่าเทียมทางเพศ แต่ยังครอบคลุมถึงความรู้ด้านเทววิทยา และวิทยาศาสตร์เท่าที่คนในยุคนั้นพอจะรู้
พลังในการเล่าเรื่องของแอ็บบ็อตต์ทำให้นวนิยายที่มีแก่นสำคัญเป็นพื้นฐานทฤษฎีทางฟิสิกส์นี้เข้าถึงคนได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะต้องรอจนเข้าศตวรรษที่ 20 ก็ตาม ขณะเดียวกัน 'โลกแบนฯ' ยังให้มุมมองที่น่าสนใจทางมานุษยวิทยา และแสดงถึงความสนใจของคนยุคนั้นต่อการติดตามทฤษฎีความอยู่รอดของผู้ที่เหมาะสมที่สุดของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน
ส่วนผสมของศาสตร์แต่ละแขนงนี้ ทำให้ผู้อ่านที่ค้นพบนวนิยายเรื่องนี้ต้องทึ่ง กระทั่งไอแซค แอซิมอฟ (Isaac Asimov: 1920 - 1992) ศาตราจารย์ด้านชีวเคมีและนักเขียนนวนิยายวิทยาศาสตร์ ยังเคยกล่าวชม 'โลกแบน เรื่องรักหลากมิติ' ไว้ว่าเป็น “บทนำที่ดีที่สุดที่เคยมีคนเขียนถึงการมองเห็นมิติต่างๆ”
'โลกแบนฯ' เป็นวรรณกรรมที่อยู่ในขอบเขตความสนใจและศึกษาของผู้คนแบบข้ามศตวรรษได้ ก็ด้วยความสามารถในการเข้าถึงนักอ่านหลากหลายกลุ่ม และอ่านได้ในหลายมิติเช่นนี้นั่นเอง
==============================
บทความเผยแพร่ครั้งแรกในเว็บไซต์วรรณกรรม The Paperless
==============================
คลิกทำความรู้จักเพิ่มเติมและสั่งซื้อวรรณกรรมโลกสมมติ ลำดับที่ 8
โลกแบน เรื่องรักหลากมิติ (Flatland: A Romance of Many Dimensions)
โลกแบน เรื่องรักหลากมิติ (Flatland: A Romance of Many Dimensions)
(วรรณกรรมโลกสมมติ ลำดับที่ 8)
เขียนโดย เอ็ดวิน แอ็บบ็อตต์ แอ็บบ็อตต์ (Edwin Abbott Abbott)
แปลโดย อิศรา โฉมนิทัศน์
บทกล่าวตามโดย เฟย์
บรรณาธิการโดย ปิยะวิทย์ เทพอำนวยสกุล
ออกแบบปกโดย จิรวัฒน์ รอดอิ่ม
180 หน้า ราคา 200 บาท
14 เม.ย 2564
17 ก.ค. 2563