Last updated: 30 พ.ค. 2563 | 3828 จำนวนผู้เข้าชม |
* * ในการนำเสนอนี้ จะเทียบเคียงแต่เพียงประเด็นอันสอดคล้องกันของภาพยนตร์กับหนังสือเท่านั้น ไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ เพื่อที่ใครก็ตามที่ยังไม่ได้ดูภาพยนตร์สามารถอ่านและรื่นรมย์ได้ * *
"...โลกใบนี้ในความรู้สึกของฅนบางฅนมันเป็นโลกของความเบียดเสียด เหมือนกับหนอนในหลุมอาจม และแน่นอน โลกของเขาจึงมีกลิ่นเหม็นไม่น่าอยู่อาศัย..."
คุณเคยจนไหมล่ะ จนชนิดที่ว่าคุ้นเคยกับอาการท้องกิ่วหิวไส้แทบขาด อยู่ห้องเท่ารูหนูหลบเร้นไร้แสง คุ้นเคยกับแมลงสาบและอากาศชื้นอับ คุ้นเคยกับของเน่าของเสีย น้ำท่วมขัง กลิ่นปัสสาวะและอาเจียนหมักหมมของไอ้ขี้เมาสักคน หรือแม้แต่อุจจาระในโถส้วมที่ทะลักล้น
จนแบบไม่รู้จะไปต่อยังไง จนเงิน จนโอกาส ไปจนถึงขั้นจนปัญญาจะโงหัวให้ขึ้น - - ถ้าเป็นแต่เพียงอาการหมุนเงินไม่ทันแบบเดือนชนเดือนนั้น ชักหน้าไม่ถึงหลัง แบบนี้ขอไม่นับ
หลังจากที่มีโอกาสได้สัมผัสกับภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ อย่าง Parasite (2019) หรือชื่อไทย คือ ชนชั้นปรสิต ภาพยนตร์รางวัลปาล์มทองคำ (Palme d’Or) ก็ต้องบอกว่า เรื่องเล่าและประเด็นต่างๆ ในภาพยนตร์ทำให้พาลนึกไปถึง ภาพการบรรยายและเสียดสะท้อนสังคมของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ในความเรียง 00.00 น. อย่างเสียไม่ได้
Parasite หรือ ชนชั้นปรสิต และ 00.00 น. (ในที่นี้อาจรวมไปถึง ดอกไม้ในถังขยะ) แม้จะเกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระ ต่างภูมิลำเนา ต่างสำเนียง ต่างช่องทางการสื่อสาร แต่พอจะกล่าวได้ว่า ทั้งสองพูดในเรื่องเดียวกัน พูดในสิ่งที่เรียกว่า ความเหลื่อมล้ำ ความจน โอกาส ชนชั้น พูดในน้ำเสียงคล้ายคลึงกัน ตลกร้าย เสียดเย้ย แสบทรวง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
'ความเหลื่อมล้ำ' 'ความจน' 'โอกาส' 'ชนชั้น' หากมองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทั้งหมดเป็นเหมือนเส้นด้ายเปื่อยยุ่ยที่ทอดยาว แน่นอน ทั้งหมดเป็นเรื่องเดียวกัน!!
ความจน นับเป็นประเด็นสากลที่ไม่ว่าใคร หรืออยู่ ณ แห่งหนไหนของโลก ก็ย่อมรับรู้ได้ บ่งชี้ไปถึงได้ แต่จะเข้าอกเข้าใจถึงคำว่า 'จน' หรือไม่นั้น ก็เห็นจะมีเพียงแต่เพียงคนจนด้วยกันเท่านั้นที่จะตอบได้
"...ความหิวมันเดินตามหลังความจนมาอย่างเป็นเพื่อนตายของกันและกัน และความจนมันเนื่องจากสาเหตุมากมายยาก
จะพรรณนาได้ถ้วน..."
ทั้งตัวภาพยนตร์และตัวหนังสือพยายามบอกเราแบบนั้น คุณต้องเข้าใจว่า ความจน ไม่ใช่สิ่งที่บังเอิญจะเกิดขึ้นได้ คุณต้อง 'อะไร' สักอย่างนั่นแหละ
คุณนึกออกไหม บางคนเกิดมา ลืมตาขึ้นมาก็จนเลย จนแบบไม่ต้องมองหาความเป็นไปได้อื่นๆ ดิ้นรนเพื่อปากท้อง ไม่มีแผนการทั้งระยะสั้น - ระยะยาว ชีวิตด้นสดวันต่อวัน นาทีต่อนาที เสพสมความรื่นรมย์อย่างง่ายดายด้วยอาหารเก่าค้าง อากาศปลายแถว ทิวทัศน์มอซอจากบานหน้าต่างกรังฝุ่น
"...ในความศิวิไลซ์ ฅนเราย่อมไม่มีสิทธิ์แม้แต่ของเน่าเหม็นในถังขยะ..."
พูดกันอย่างสวยหรูด้วยคำว่า ใน โลกอารยะ หรือ โลกที่ศิวิไลซ์ แล้ว ของเหม็นเน่าเป็นสิ่งไม่น่าพึงปรารถนา เป็นเรื่องไร้อารยะ เป็นสิ่งอุจาดและไม่สบายอกสบายใจต่อคนมีอันจะกินทั้งหลาย ยังมิพักต้องพูดถึงกลิ่นสาบ กลิ่นที่คว้างอยู่ในอากาศ ดังอย่างที่ในภาพยนตร์และหนังสือได้พูดถึง
กลิ่นเหม็นอันไม่พึงประสงค์ หรือ พูดให้ชัดว่า สาบคนจน หาใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจให้เกิด สำหรับบางคน มันเป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่เขาเหล่านั้นลืมตาดูโลก จะสะบัดออกยังไงมันก็ยังคงติดอยู่อย่างนั้น กลิ่นสาบนี้จะเป็นปัญหาขึ้นมาทันทีหากมันไประคายจมูกคนอื่น - คนที่อยู่เหนือขึ้นมาจากความยากจน แต่อย่างไรก็ตาม กลิ่นสาบอาจจางหายไปได้ถ้าเพียงแต่เขาเหล่านั้นร่ำรวยขึ้นมาบ้าง
"...บางฅนรู้สึกว่าเป็นโลกแห่งความอ้างว้าง ถ้าเขาบังเอิญอยู่บ้านฅนเดียวกับเงินเพียงสลึงเดียว บุหรี่สองมวน และฝนตกลงมาประมาณสองร้อยห่าจนไม่อาจเดินฝ่าออกไปกินเหล้าเชื่อที่ร้านปากซอยได้ จริง - มันช่างอ้างว้างเป็นบ้า..."
ในโลกนี้ดำเนินไปด้วยคู่ขนานของความอ้างว้าง
บางคน ความอ้างว้างเกิดจากการเดินขึ้นบันไดเงียบสงัดสู่ห้องนอนสุดหรูหรา แต่กับบางคน ความอ้างว้างคือขั้นบันไดเขรอะกรังที่เดินลงสู่ความมืดมิดใต้ดิน
บางคน อ้างว้างเพราะเขาเพียงแต่นอนแช่ในอ่างอาบน้ำ จิบไวน์ หลีกเร้นจากโลกภายนอก แต่กับบางคน อ้างว้างเพราะที่ไร้ที่ซุกหัวนอน เหม่อมองแต่ภาพตรงหน้า ไร้ซึ่งจินตนาการ
และอีกหลายบางคน อาจนอนอ้างว้างบนโซฟาตัวเขื่องเพราะฝนฟ้าไม่อำนวยให้ออกไปไหน แต่กับอีกหลายบางคนเช่นกัน ที่อ้างว้างโดดเดี่ยวบนโถชักโครกกับบุหรี่สกปรกๆ สักมวน
"...บางฅนพยายามจะพูดให้ฅนเชื่อว่าเขาบูชาความจน...ในขณะที่ลมหายใจของเขามีกลิ่นสก็อทซ์วิสกี้..."
คนรวยบางคน เป็นคนดีเพราะเขารวย หรือว่าเพราะ เขารวยแล้วจึงเป็นคนดี ก็ยากจะหาคำตอบ ใน Parasite เองก็พูดถึงประเด็นเหล่านี้ มันคงเป็นเรื่องง่ายกว่ามากที่เศรษฐีคนหนึ่งจะเอ่ยปากว่าเขาเข้าอกเข้าใจ ความจน และ คนจน แต่มันคงเป็นเรื่องยากแสนยาก หากคนจนคนหนึ่งจะจินตนาการถึงความทุกข์ของคนรวย
เราจะเห็นได้ว่า นี่อาจเป็นเพียงทัศนคติที่ฝังแน่นของคนรวยคนหนึ่งที่ อยาก หรือ ทำเป็นอยาก ยื่นมือลงมาช่วยเหลือคนจน และพร่ำพรรณนาว่าพวกเขาอยากเห็นความจน ความเหลื่อมล้ำ หมดสิ้นไปจากโลก
แต่หากขุดลึกลงไปในหัวใจอย่างสัตย์ซื่อและตรงไปตรงมา คำตอบคงมีเพียงว่า เจ้าคนจนทั้งหลายจะมาลามปามยืนเทียบเท่าคนรวยได้อย่างไร
"...ความจนในอดีต (และในวันนี้) สอนให้ข้าพเจ้ารู้ว่า มันเป็นการเดินทางที่มีปลายทางถึงสองแห่ง
ปลายทางแห่งแรกคือความหิว
ปลายทางแห่งสองคือความฝัน..."
ความยากจนมักจะสำรอกเอาความหิวออกมาให้คนจนได้สัมผัสและระลึกถึงมันอยู่เสมอ เหมือนมันเป็น 'เซลล์' ที่แท้และดั้งเดิมอยู่ใน DNA ของพวกเขา เมื่อหิวก็ต้องขวนขวาย โหยหาถึงสิ่งซึ่งประทังชีวิต มองหาโอกาสที่จะต้องอยู่รอด
เมื่อท้องอิ่มขึ้นมาบ้างจากอาหารค้างคืนหรือน้ำประปากลิ่นสนิม พวกเขาจะกลับมาฝัน ฝันถึงวันที่ดีกว่า ฝันถึงชีวิตที่ดีกว่า ฝันถึงการศึกษา ฝันถึงโอกาส - โอกาสได้หยัดยืนในสังคมที่พวกเขาดำรงอยู่
คำถามจึงมีต่อไปว่า เราจะออกจากปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร หรือหากยังออกไม่ได้อย่างทันท่วงที เราก็ควรจะหันกลับมามองชีวิตอื่นๆ รอบข้าง เพื่อลดการเหยียบย่ำซ้ำเติม
'รงค์ วงษ์สวรรค์ทิ้งคำถามและคำตอบไว้แผ่วเบาทำนองว่า
"....สงครามแห่งความยากจน มันอาจจะเป็นสงครามที่ยืดเยื้อยิ่งกว่าสงครามประเภทอื่นในโลกนี้ ใครจะเป็นผู้ชนะในเบื้องปลาย มันหรือเรา? และเราจะใช้อาวุธชนิดไหนสู้กับมัน?
‘ความเมตตา’ ข้าพเจ้ากระซิบบอกตัวเองด้วยความรู้สึกเหมือนเป็นไข้..."
=================