Last updated: 1 ก.ค. 2563 | 3084 จำนวนผู้เข้าชม |
บางส่วนจาก ประวัติชีวิตและผลงานของ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ (Ernest Hemingway)
ชายชาตรีอเมริกันคนสุดท้าย โดย แดนอรัญ แสงทอง
ในเล่ม บาย - ไลน์ (By-Line) สารคดียี่สิบเก้าชิ้นแรก ปฐมบทแห่งความสำเร็จของนักเขียนโนเบลสาขาวรรณกรรม
==========
KEYNOTE
- - อย่าพูดถึงมันเลย 'ความหฤโหดในสงคราม' แต่เขาก็ไม่ตกเป็นทาส 'ลัทธิบูชาความสุข' - -
แบบฝึกหัดทางวรรณกรรมทั้งยี่สิบเก้าชิ้นนี้ไม่มีชิ้นไหนที่จะพูดถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่เฮมิงเวย์ได้เผชิญหน้ากับมันมาโดยตรง เขาอาจจะริเริ่มทำการทดลองทางวรรณกรรมอย่างหนึ่งของเขาเงียบๆ
“ไม่ต้องกล่าวถึงมัน ปล่อยให้คนอ่านรู้สึกถึงมันเอาเอง”
ด้วยกฎเกณฑ์ดังกล่าวของเขานี้ ทำให้ “War Medals For Sale” เต็มไปด้วยมิติอันขมขื่นมากมายหลายประการ เช่นเดียวกับ “Christmas on the Roof of the World” ซึ่งเฮมิงเวย์ไปฉลองคริสต์มาสในสวิตเซอร์แลนด์และในทางเหนือของอิตาลีกับ ‘ชิงค์’ ดอร์แมน สมิท ซึ่งเขาคุ้นเคยด้วยตั้งแต่เมื่อเขาไปสงคราม หรือ “Trout Fishing in Europe” หรือ “Tuna Fishing in Spain” หรือ “Fishing the Rhone Canal” หรือแม้แต่ “Bull Fighting a Tragedy” หรือ “Pamplona in July” ก็ตาม มันเป็นการแสวงหาความสุขสำราญเท่าที่โลกมีไว้ให้และเราพอที่จะไขว่คว้าเอามาสนองความต้องการของเราได้
นี่มิใช่ความเห็นแก่ตัว นี่มิใช่การลดตัวลงไปเป็นทาสของลัทธิบูชาความสุข นี่มิใช่การละเลยมวลชนอันไพศาล แต่มันยากที่จะบอกกล่าวให้คนอื่นเข้าใจได้ยกเว้นแต่คนที่เคยผ่านสงครามมา
“เราไม่อยากพูดถึงมันเลย ความหฤโหด ความน่าสะพรึงกลัว และความทมิฬหินชาติประดานั้น”
ในแบบฝึกหัดนี้มันไม่มีคำอธิบาย มีแต่เพียงการแสวงหาความสุขสำราญจากการตกปลา การเล่นสกี การไปดูการสู้วัว การท่องเที่ยวเดินทาง การดื่มการกิน ฯลฯ คำอธิบายที่ชัดเจนมันกลับไปปรากฏอยู่ใน The Sun Also Rises และตัวอย่างที่ชัดเจนมันกลับไปปรากฏอยู่ใน The Snows of Kilimanjaro และฉากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอันแท้จริงมันก็กลับไปปรากฏอยู่ใน A Farewell to Arms ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้ถูกเขียนออกมา อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์อันแสนปวดแสบปวดร้อนระหว่างการไปทำข่าวสงครามระหว่างตุรกีและกรีกมันก็ยังคงถูกกล่าวถึงอย่างละเอียดลอออยู่นั่นเอง
- - ไม่มีภาพลวงตาในสงคราม มีเพียงธาตุแท้ของมนุษย์ - -
ประสบการณ์จากสงครามทำให้เขาเชื่อมั่นว่า เขาเป็นนักเขียนที่ได้เปรียบนักเขียนคนอื่นๆ มันทำให้เขาได้เห็นธาตุแท้ของมนุษย์ มันทำให้เขาได้เห็นว่าชีวิตและความตายอยู่ใกล้กันมากเพียงไร
มันเป็นความได้เปรียบที่ตอลสตอยได้มาจากสงครามไครเมีย
มันเป็นความได้เปรียบที่สตองดาห์ลได้มาจากสงครามของนโปเลียน
ความเชื่อมั่นนี้ทำให้เฮมิงเวย์พูดถึงความจริงต่างๆ นานาอย่างขวานผ่าซากโดยปราศจากภาพลวงตาใดๆ
เขาพูดถึง เบนนิโต มุสโสลินี ผู้มีอำนาจล้นฟ้าว่าเป็นคนลวงโลก พูดถึงชิเชอรินนักการทูตรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่และลอร์ดเกอซันรัฐมนตรีกระทรวงทหารเรือของอังกฤษว่าเป็นคนที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ พูดถึงสถานภาพของกษัตริย์หลายพระองค์ในทวีปยุโรปในขณะนั้นว่าเป็นแต่เพียงหุ่นเชิดอันน่าสังเวช พูดถึงลอยด์ยอร์จนายกรัฐมนตรีอังกฤษด้วยน้ำเสียงไม่แยแส และแม้แต่การพูดออกมาโต้งๆ ว่าการประชุมสุดยอดผู้นำที่เจนัวนั้นมันไม่มีสิ่งใดน่าสนใจเลยยกเว้นสาวรัสเซียหน้าแฉล้มสองคน
นักวิจารณ์บางคนกล่าวว่าท่าทีเช่นนี้เป็นแต่เพียงท่าทีของเด็กแก่แดดที่ไม่รู้จักกาลเทศะคนหนึ่ง นักวิจารณ์เหล่านั้นคงไม่เคยผ่านสงคราม และประเมินเฮมิงเวย์จากประสบการณ์อันคับแคบของตน แต่เฮมิงเวย์เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ปลาบปลื้มกับคนมีอำนาจ
เขายังไม่ได้พูดออกมาว่าคนมีอำนาจนั้นเป็นปรากฏการณ์แต่เพียงชั่วครั้งชั่วคราว เขายังไม่ได้พูดว่าศิลปินที่แท้จริงต่างหากที่น่าชื่นชมมากกว่า อีกหลายปีหลังจากนี้เขาถึงได้แสดงออกถึงความเชื่อมั่นเช่นนี้ของเขาไว้ใน Green Hills of Africa
- - หักคอนกพิราบมาเป็นอาหารเพื่อประทังชีวิต ชีวิตลำเค็ญในปารีส - -
ต้นฉบับงานเขียนของเขาถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า เขาออกจากบ้านในตอนเช้าและกลับบ้านในตอนเย็นเพื่อประหยัดอาหารมื้อกลางวันไว้ให้เมียและลูก เขาเข็นรถเข็นของบัมบี้ไปในสวนสาธารณะของปารีสในทุกยามเย็นเอาข้าวโพดล่อนกพิราบ และจับมันหักคอใส่ลงในรถเข็นเด็กเพื่อเอามันมาทำอาหาร เขาเริ่มปล่อยผมเผ้าและหนวดเคราให้ยาวรุงรังซึ่งทำให้รูปลักษณ์ของเขาคล้ายคลึงกับพระเยซู เขาพกพาตีนกระต่ายเป็นเครื่องรางนำโชคในการเขียน เขาเข้าไปชมดูจิตรกรรมอมตะในหอศิลป์ขณะกำลังไส้กิ่ว ทั้งเขาและภรรยาของเขาแทบไม่มีเงินเหลือพอที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ เลย
ช่วงเวลาแห่งความยากไร้นี้ไม่ได้ดำรงคงอยู่นานนัก เพราะหลังจากนั้นไม่นาน Three Stories and Ten Poems และ The Torrents of Spring และ The Sun Also Rises ของเขาก็ได้รับการตีพิมพ์ซึ่งส่งผลให้เขากลายเป็นนักเขียนดาวรุ่งพุ่งแรงและตกเป็นเป้าหมายแห่งการไล่ล่าของ พอลลีน ไฟเฟอร์ สาวอเมริกันทายาทตระกูลเศรษฐีผู้มีที่ดินในความครอบครองอยู่ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นไร่ ผู้ซึ่งจะกลายเป็นภรรยาคนที่สองของเขาในเวลาต่อมา
==========
อ่านเรื่องราวอันเข้มข้นทั้ง 39 เรื่องเพิ่มเติมได้ใน บาย - ไลน์ (By-Line)
บาย - ไลน์ (By-Line)
สารคดียี่สิบเก้าชิ้นแรก แบบฝึกหัดทางวรรณกรรมของนักเขียนหนุ่ม
วรรณกรรมในวงเล็บ ลำดับที่ 17
เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ (Ernest Hemingway) : เขียน
แดนอรัญ แสงทอง : แปลและเรียบเรียง
พิมพ์ครั้งแรก กันยายน 2562
ความหนา : 336 หน้า
==========
คลิกอ่าน เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ | Hemingway ชายชาตรีอเมริกันคนสุดท้าย
==========
สนใจสั่งซื้อยกชุดราคาพิเศษ ออกแบบสุดประณีต เหมาะแก่นักอ่านตัวยง
คลิกสั่งซื้อ ชุดหนังสือ Classics - Deluxe Edition For Book Lovers วรรณกรรมสากลในฉบับภาษาไทย