Last updated: 11 ก.พ. 2565 | 2668 จำนวนผู้เข้าชม |
ถ้าหาก ‘มืออาชีพ’ คือคำที่ใช้เรียกขานผู้ที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างช่ำชองและฉกาจฉกรรจ์ ‘วรพจน์ พันธุ์พงศ์’ กับคำตาม ‘นักสัมภาษณ์มืออาชีพ’ ก็คงจะไม่ขัดเขินแต่อย่างใด
เราพอจะนับได้ว่า ‘วรพจน์ พันธุ์พงศ์’ เป็นนักสัมภาษณ์มือหนึ่ง ที่อีกมือหนึ่งเขาคือ ‘นักเขียน’ วรพจน์มีคลังประสบการณ์อันเต็มไปด้วยเรื่องราวและความทรงจำที่เกิดจากการเดินทาง การทำงานนิตยสารและหนังสือพิมพ์ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นได้หล่อหลอมให้เขาเป็น ‘นักเขียน’ ‘นักสัมภาษณ์’ มือวางอันดับที่ใครต่างยกย่อง
วรพจน์มีความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ด้วยลีลาการใช้ภาษาที่คมคายและรุ่มรวย บรรยายสิ่งต่างๆ ให้เห็นภาพได้อย่างมีศิลปะ ราวกับทำให้ผู้อ่านได้เข้าไปเกลือกกลิ้งอยู่ในตัวอักษรนั้นอย่างน่าประหลาดใจ
วรพจน์เกิดที่จังหวัดนครราชสีมา แต่เลือกมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานคร เส้นทางนักสัมภาษณ์ของวรพจน์เริ่มต้นในปี พ.ศ.2536 ด้วยการเป็นนักข่าว แต่เนื่องจากพื้นที่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์นั้นจำกัด ทำให้ถึงแม้ว่าจะลงแรงสัมภาษณ์มามากเพียงใด พื้นที่ในการแสดงผลงานก็มีไม่เพียงพอ จากนั้น 4 ปี วรพจน์ได้ออกมาลงสนามนิตยสาร GM ที่มีพื้นที่ให้ได้แสดงศักยภาพการสัมภาษณ์ถึง 10 หน้า ถ้าเปรียบเป็นกิจการก็ถือว่าเป็นการเติบโตขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง 4 ปีต่อมาวรพจน์ได้มาอยู่ที่สำนัก Open หลังจากได้โลดแล่นอยู่ในสายงานสัมภาษณ์จากตอนอยู่ที่ GM ทำให้การทำงานที่ Open เป็นสิ่งที่ตัวเขารู้สึกว่าทำงานด้วยความสนุก
ปัจจุบันวรพจน์ได้ย้ายไปลงหลักปักฐานอยู่ที่จังหวัดน่าน และได้เกิดสำนักสื่อออนไลน์ nan dialogue ขึ้นมา
ผลงานของ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ที่มีทั้งงานสัมภาษณ์ งานเขียนที่เป็นคอลัมน์ทั้งใน GM และ IMAGE รวมไปถึงพ็อกเก็ตบุ๊กที่สร้างชื่อของเขา อาทิ ‘เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง’ ‘ไปตามเส้นทางของเรา’ ‘เสียงในความทรงจำ’ ‘open diary’ ‘เศษทรายในกระเป๋า’ ‘ที่อยู่ของหัวใจ’ ‘ไม่มีโทรศัพท์และเครื่องปรับอากาศ’ ‘ที่เกิดเหตุ’ ‘เสียงแห่งทศวรรษ’ และกระทั่งเมื่อปี 2561 ได้มีผลงานหลังจากไม่ได้สัมภาษณ์ใครอย่างจริงจังมาเกือบ 10 ปี ‘portrait ธนาธร’ ก็ได้เป็นเล่มที่เรียกได้ว่าเป็นงานใหญ่ชิ้นหนึ่งหลังจากที่ห่างหายไปนาน
ผลงานของเขาเหล่านี้ได้ทำให้เขาเป็นเจ้าของรางวัล ‘ศิลปาธร’ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ.2562 ที่ตอกย้ำการเป็นนักเขียน นักสัมภาษณ์มือหนึ่งได้อย่างเต็มภาคภูมิ
“วรพจน์เป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก ความคิดของเขาพรั่งพรูผ่านตัวอักษรมากกว่าจะหลั่งไหลผ่านปลายลิ้น ฉะนั้นวิธีที่จะรู้จักเขาดีที่สุดคือต้องอ่านงานของเขาแล้วคิดตามภาพ เสียง กลิ่น รส และความรู้สึกที่เขาถ่ายทอดจึงจะพบความลึกซึ้งมากกว่าบทสนทนาบนเวทีสาธารณะ” – สุมิตรา จันทร์เงา สื่อมวลชนอาวุโส และนักเขียนอิสระ
“จุดเด่นอย่างหนึ่งของงานพี่หนึ่งคือคำคมที่ออกมาถูกจังหวะ เสียดแทง มีการเล่นคำที่สนุก (มีกลิ่นของปราบดาเพื่อนรักอีกคน) และคมคายเมื่อต้องเปรียบเทียบบางอย่างให้เห็นภาพ ตัดสลับกับน้ำเสียงเอกลักษณ์ที่ดูจริงจังแต่เมื่อเผลอก็จะโดนสอยด้วยมุกฮาแบบตั้งตัวไม่ติด” – สำนักพิมพ์ไต้ฝุ่น
“ด้วยการอุทิศตนให้กับการสัมภาษณ์ของคุณวรพจน์แบบนี้แหละที่ทำให้ทุกชิ้นงานของเขาที่ทำการสัมภาษณ์แต่ละครั้งนั้น มีแง่มุมใหม่ๆ อยู่เสมอ ถึงแม้ว่าบุคคลที่เค้าสัมภาษณ์นั้นจะเป็นบุคคลที่คนเคยสัมภาษณ์มาเยอะมากแล้วก็ตาม” – เปอร์ สุวิกรม อัมระนันท์ พิธีกรชื่อดัง
ในปีนี้ วรพจน์กลับมาอีกครั้งกับผลงานหนังสือเล่มแรก เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง ที่ครบรอบ 20 ปี ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 นี้ ในการจัดพิมพ์ครั้งนี้ สนพ.สมมติจัดทำใหม่ยึดตามฉบับพิมพ์ครั้งแรก สวยงาม ละเมียด และเก็บวันเวลาของหนังสือไว้อย่างครบถ้วน และสำหรับใครที่คิดถึงสุ้มเสียงในตัวหนังสือของวรพจน์ ก็โปรดได้อ่านบทความพิเศษท้ายเล่ม คำตาม '20 ปีของแสงสว่าง' ตีพิมพ์ครั้งแรกที่นี่!
คลิกสั่งซื้อ เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง ปกแข็ง ฉบับครบรอบ 20 ปี ได้แล้ววันนี้
16 ก.ย. 2565
25 ก.ย. 2565
26 ก.ย. 2565
26 ส.ค. 2565